852 จำนวนผู้เข้าชม |
สถิติการใช้ฟ้าทะลายโจรจากเรือนจำเชียงใหม่ถึงกรุงเทพ ที่รัฐบาลควรประกาศออกมาได้แล้ว เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 6,884 คน และมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 61 คน คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตต่อจำนวนผู้ป่วย 0.88%
สำหรับการระบาดระลอกสอง ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 -31 มีนาคม 2564 ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เฉพาะช่วงนี้ จำนวน 21,979 คน มีผู้เสียชีวิตสะสมช่วงนี้ 33 คน คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตต่อจำนวนผู้ป่วย 0.15% ซึ่งถือว่าช่วงเวลานี้ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตลดน้อยลงกว่าปี 2563 เพราะแพทย์ในประเทศไทยมีประสบการณ์มากขึ้น ด้วยอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือและบุคคลากรทางการแพทย์มีเพียงพอ
แต่การระบาดระลอกที่สาม ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2564 จนถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เฉพาะช่วงนี้จำนวน 207,428 คน มีผู้ป่วยเสียชีวิตเฉพาะช่วงนี้ 1,725 คน คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 0.83% อันสะท้อนให้เห็นว่าอัตราการเสียชีวิตกลับเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วง 3 เดือนแรกของปี 2564
ช่วงเวลาเดียวกันนี้เองได้เกิดการระบาดโรคที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ ทางกระทรวงยุติธรรมได้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรเป็นยาร่วมรักษา ผลปรากฏว่าจำนวนผู้ต้องขัง ถึง ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2564 มีนักโทษรวมทั้งสิ้น 6,562 คน ติดเชื้อโควิด-19 สะสมรวมทั้งสิ้น 4,169 คน รักษาหายแล้วถึง 3,980 คน มีผู้เสียชีวิต 3 คน คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 0.072% เท่านั้น ซึ่งน่าอัศจรรย์ว่าเป็นกลุ่มคนที่มีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในประเทศไทยในทุกช่วงเวลา
สรุปสัดส่วนผู้เสียชีวิตกับผู้ติดเชื้อแต่ละช่วงเวลาคือ ช่วงเวลา 2563 ในประเทศไทย ถ้ามีผู้ติดเชื้อ 10,000 คน จะมีผู้เสียชีวิต 88 คน
ช่วงเวลา 1 มกราคม 2564-31 มีนาคม 2564 ประเทศไทยถ้ามีผู้ติดเชื้อ 10,000 คน จะมีผู้เสียชีวิต 15 คน
ช่วงเวลา 1 เมษายน 2564 -25 มิถุนายน 2564 ประเทศไทยถ้ามีผู้ติดเชื้อ 10,000 คน จะมีผู้เสียชีวิต 83 คน
แต่สำหรับเรือนจำกลางเชียงใหม่ซึ่งมีการใช้ “ฟ้าทะลายโจร”ในการลดอาการของผู้ป่วย ช่วงเวลา 1 เมษายน 2564-18 มิถุนายน 2564 ถ้ามีผู้ติดเชื้อ 10,000 คน จะมีผู้เสียชีวิต 7 คนเท่านั้น
นอกจากนั้นยังมีการรายงานผลของ นายแพทย์เอนก มุ่งอ้อมกลาง สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี ซึ่งบรรยายประสบการณ์การนำยาสมุนไพรไทยไปใช้ในสถานการณ์การระบาดเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ในเรือนจำกรุงเทพมหานคร ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขจัดการสัมมนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 โดย นายแพทย์เอนก มุ่งอ้อมกลาง รายงานการพบว่าเมื่อใช้ “ผงหยาบ” ฟ้าทะลายโจรในขนาดแคปซูล 400 มิลลิกรัม กิน 4 เม็ดต่อครั้งและ 3 ครั้งต่อวัน หรือประมาณ 4.8 กรัมต่อวันเป็นเวลา 5 วัน ปรากฏว่าผู้ป่วยโควิด-19 ตรวจเชื้อไม่พบเลยในวันที่ 8 ในขณะที่ยาฟาวิพิราเวียร์ต้องใช้เวลา 12 วันที่จะตรวจไม่พบเชื้อเลย
แปลว่าฟ้าทะลายโจรเหนือกว่ายาฟาวิพิราเวียร์ และไม่ต้องสกัดอะไรเหมือนกระชายขาวความน่าสนใจคือ ผงหยาบฟ้าทะลายโจร 4.8 กรัมต่อวัน ที่ชนะยาฟาวิพิราเวียร์ได้นั้น เป็นปริมาณใช้น้อยกว่า “ผงหยาบ”ฟ้าทะลายโจรขั้นต่ำสุดใน “โรคหวัดธรรมดา” ที่ต้องใช้ผงฟ้าทะลายโจรประมาณ 6 กรัมต่อวันเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นสัญญาณแสดงว่า โรคโควิดจัดการได้ง่ายกว่าและกระจอกว่าโรคหวัดเมื่อใช้ผงหยาบฟ้าทะลายโจรหรือไม่? และปริมาณผงหยาบฟ้าทะลายโจรที่ใช้ 4.8 กรัมต่อวันนั้น เมื่อตรวจสารแอนโดรกราโฟไลด์นั้นได้เพียง 132 มิลลิกรัมต่อวัน ไม่ต้องใช้มากถึง “สารสกัด”จากฟ้าทะลายโจรที่ต้องใช้สารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า “ผงหยาบ”ฟ้าทะลายเพียงน้อยนิดก็จัดการกับโรคโควิด-19 ได้แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมจำนวนผู้ติดเชื้อในเรือนจำลดน้อยลงอย่างฮวบฮาบ สะกดเชื้อโควิด-19 ได้ดีกว่าคนนอกเรือนจำ
สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้น คือข้อมูลของคุณรสนา โตสิตระกูล มูลนิธิสุขภาพไทย ได้แจกฟ้าทะลายโจรไปในชุมชนคลองเตยซึ่งเป็นชุมชนแออัด หลายคนนอนห้องเดียวกัน พบว่าผู้ที่ใช้ฟ้าทะลายโจร 4.8 กรัม หรือใช้แคปซูลขนาด 400 มิลลิกรัม จำนวนเพียงแค่ 12 เม็ดต่อวัน ปรากฏว่ามีหลายบ้านในชุมชนคลองเตย ผู้ที่กินฟ้าทะลายโจรไม่ติดเชื้อแต่คนที่ไม่ได้กินกลับติดเชื้อ บางคนที่ไม่ได้ใช้ฟ้าทะลายโจรกลับติดเชื้ออยู่คนเดียวในบ้าน ทั้งๆที่นอนห้องเดียวกันกับคนที่กินฟ้าทะลายโจรด้วยซ้ำไป
ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม News1 ก็มีผู้ติดเชื้อ 2 คน ให้กินฟ้าทะลายโจรทั้งชั้น “ทุกคน” ครั้งละ 4 แคปซูล วันหนึ่งกิน 4 ครั้ง เมื่อครบ 5 วันก็ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มแม้แต่คนเดียวจึงไม่ลุกลามกลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ และทำให้ต้องคิดกันว่าถึงเวลาที่จะต้องนำ “ฟ้าทะลายโจร” มาเป็น “วาระแห่งชาติ” อย่างจริงจังได้แล้ว เตรียมพร้อม “บำบัดรวมหมู่”ด้วยฟ้าทะลายโจร “พร้อมกัน” ดังนั้นทุกบ้านทุกที่ดินเตรียมปลูกเสียตั้งแต่วันนี้ให้มากที่สุด
ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
30 มิถุนายน 2564
https://www.facebook.com/123613731031938/posts/4250157078377562/